วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 5:เรื่องที่นักเรียนสนใจ(แตงโมแตงโมแตงโม......แตงโมลูกโตรสหวาน)

             แตงโมแตงโมแตงโม......แตงโมลูกโตรสหวาน ใครรับประทาน ถูกอกถูกใจ ♥ หลายคนอาจจะเคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน เพลงของคุณน้าจินตหรา พูนลาภนั้นเองเน้ออ  เนื่องจากประเทศไทยเดียวนี้อากาศไม่พึ่งประสงค์เอาซะเลย ไม่ร้อนมากก ก็เวรี่ร้อนไปเลย หลังจากทนร้อนอยู่นานก็พบกับสิ่งมหัศจรรย์สิ่งใหม่ขึ้นมามันคือราชาผลไม้เเห่งฤดูร้อน.....ที่พร้อมจะทำให้เราได้สดชื่นเเละหวานช่ำไปทั้งกายเเละหัวใจ ไม่เชื่อก็มาลองชิมได้นะ5555555      หลายๆคน...ไม่สิทุกคนคงไม่มีใครไม่รู้จักผลไม้ชนิดนี้กันหรอกเนาะ นั้นคือเเตงโมเเตงโม๋เเตงโม ว๊าวววววววววววว 
       
       หลายคนๆคงอาจจะไม่รู้กันสินะว่าเจ้าเเตงโมมันมีดีอะไรบ้าง นอกจากเห็นเจ้าเเตงโมงก็หม่ำมันอย่างเดียวไม่สนใจ รู้ไหมว่าเจ้าเเตงโมมันมีอะไรเยอะเเยะมากมายกว่าที่เห็นมันเป็นลูกกลมๆกลิ้งไปกลิ้งมา ธรรมดาๆ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักสนิทสนมกับเจ้าเเตงโมกันดีกว่าาา Go!!!


เเตงโมเจ้าคือใครกันนะ?
          
            แตงโม จัดเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับ แคนตาลูป ฟักทอง แตงกวา ซึ่งนักพฤกษศาสตร์จัดให้อยู่ในวงศ์ CUCURBITACEAE เป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบอยู่ในปริมาณมากจึงมีคุณสมบัติเย็น รับประทานแล้วหวานชื่นใจ สำหรับประโยชน์ของแตงโมนั่นก็เช่น ช่วยลดอาการไข้ คอแห้ง รักษาแผลในปาก เป็นต้น และยังเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกด้วยเพราะอุดุมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด อย่างเช่นวิตามินเอ ซี วิตามินบีรวม แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่มีกระเพาะ ม้ามไม่แข็งแรง กระเพาะลำไส้อักเสบ หญิงหลังคลอด หลังป่วยหนัก หรือผู้ที่มีอาการปัสสาวะมากและบ่อย มีอาการท้องร่วงง่าย ไม่ควรรับประทานแตงโม

                แตงโม มีสารอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญอย่างมากนั่นก็คือ Citrulline (ซิทรูไลน์) ซึ่งจะพบสารนี้ในเปลือกมากกว่าส่วนของเนื้อ ดังนั้นการรับประทานแตงโมที่มีส่วนเปลือกขาวๆติดมาด้วยก็จะเป็นประโยชน์ที่ดีมากกว่าที่จะกินแต่เนื้อสดๆ สำหรับประโยชน์ของสารนี้ก็คือ จะช่วยขยายเส้นเลือด ดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและยังเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนอีกด้วย เพราะมีแคลอรี่ต่ำมาก อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะผ่าแตงโมรับประทานควรจะล้างเปลือกให้สะอาดเสียก่อนเพื่อป้องกันสารพิษตกค้างซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เพราะแตงโมเป็นพืชที่ถูกรบกวนได้ง่ายจากแมลงศัตรูพืชต่างๆ ชาวสวนจึงนิยมที่จะฉีดยาฆ่าแมลงเป็นปกติ


วิธีการเลือกซื้อเจ้าแตงโม
  • สังเกตุที่ขั้วแตงโมจะไม่แห้งมากสีคล้ายคลึงกับผิวแตงโม
  • ลองดีดแตงโมจะได้ยินเสียงที่แน่น แปลว่าเนื้อในกรอบ
  • ควรเลือกแตงโมที่ลักษณะ เปลือกผิวเรียบ ไม่เป็นรอยบุบ หรือช้ำ
  • ถ้าเขาผ่าแตงโมให้ดู ควรเลือกที่มีสีแดงเป็นธรรมชาติไม่สดมาก เพราะถ้าสีแดงสดมากใช้สารเร่งสีเยอะ

สารที่พบในเจ้าแตงโม
        
            แตงโมมีน้ำถึง 96.6% ในเนื้อจะมีวิตามินเอ, บี, ซี กรดนิโคตินิค กลูโคส ฟรุคโตส ซูโครส โปรตีน คาโรทีน กรดมาลิค กรดฟอสฟอริค กรดกลูตามิค แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เซลลูโลส เป็นต้น


กินเจ้าเเตงโมเเล้วดียังไงหรา

          การกินเจ้าแตงโมก็สามารถช่วยลดความตึงเครียดได้นะ เพราะโพแทสเซียมในแตงโม จะช่วยควบคุมความดันโลหิต ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดีเย็นชื่นใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยเลยเเหละ

เเละเจ้าเเตงโมยังทำให้เรามีผิวพรรณที่ดีได้ด้วยนะ คือให้เราเฉือนแตงโมให้เป็นชิ้นบางๆ พยายามใช้เนื้อที่อยู่วงในสุด (ถ้าใช้เนื้อแตงโมที่อยู่ใกล้เปลือกจะมีความเข้มข้นของกรดครับ) พอได้สักประมาณ 10-15 ชิ้นแล้ว ให้เรานำมาวางที่ผ้าขาวบาง แล้วนำมาปิดลงที่ใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

         นอกจากนี้เจ้าเเตงโมยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคได้อีกด้วยนะ
-ถ้ามีอาการเป็นไข้ คอแห้ง เหงื่ออกมาก ร้อนกระวนกระวายให้ดื่มน้ำแตงโมต่างน้ำ จะทำให้อาการดังกล่าวลดน้อยลงหรือหายไป ดังสุภาษิตจีนที่กล่าวไว้ว่า “หน้าร้อนกินแตงโมสองชิ้น ไม่ต้องซื้อยามากิน”
-เป็นแผลในปาก ให้ใช้น้ำแตงโมอมบ่อยๆ หรือจะเอาเปลือกแตงโมผึ่งไฟหรือตากให้แห้ง บดเป็นผงแล้วทาบริเวณที่เป็น
-ในฤดูร้อนอากาศร้อน หลังจากกินแตงโมแล้วเปลือกแตงโมอย่างทิ้งขูดเอาส่วนที่เป็นเนื้อขาวทิ้ง นำเอาเปลือกไปต้มให้เดือดแล้วเติมน้ำตาลทรายลงไปพอหวาน ดื่มแทนน้ำจะทำให้ชุ่มคอ ช่วยป้องกันและลดอาการคอแห้ง เจ็บคอ แก้กระหายน้ำ และช่วยขับปัสสาวะด้วย 
-ไตอักเสบเรื้อรัง ใช้แตงโมทั้งลูกล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เคี่ยวจนข้น แล้วเติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมลงไป (เป็นยาน้ำเชื่อม) กินวันละครั้งๆ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือจะกินเนื้อแตงโมเป็นประจำก็ได้ในปริมาณที่เหมาะกับร่างกายพอดี
-เบาหวาน ใช้เปลือกแตงโมและเปลือกฟักเขียว อย่างละ 30 กรัม ต้มน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง
-แก้ฤทธิ์สุรา ให้กินเนื้อแตงโมสด 1/2 ถึง 1 กิโลกรัม หรือจะใช้เปลือกแตงโม 60 กรัม (สด 120 กรัม) ต้มน้ำดื่ม
-ท้องผูกในสตรีมีครรภ์ ใช้เมล็ดแตงโม 15 กรัม ตำให้แหลกละเอียดเติมน้ำผึ้ง 15 กรัม และน้ำพอประมาณ ตุ๋นนานครึ่งชั่วโมง กินวันละครั้ง 3 วันติดต่อกัน
-ประจำเดือนมากผิดปกติ ใช้เมล็ดแตงโมตากแห้ง (หรืออบแห้ง) แล้วบดเป็นผง ชงน้ำกินวันละสองครั้ง เช้า-เย็น

เจ้าเเตงโมก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้างนะ!!!

           แม้แตงโมจะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ แต่อย่ากินแตงโมมากเกินไป ทั้งนี้เพราะน้ำจากแตงโมซึ่งมีจำนวนมากจะทำให้น้ำย่อยในกรเพาะอาหารเจือจางลง ทำให้อาหารไม่ย่อย หรือท้องเสีย นอกจากนี้อย่ากินแตงโมดิบหรือเน่า เพราะจะทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารได้ โดยเฉพาะท้องร่วง และ
อาเจียน
           สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคเยื่อบุลำไส้อักเสบเรื้องรัง มักมีอาการท้องเสียบ่อยๆ หรือมีความดันโลหิตต่ำ มีร่างกายอ่อนแอ หรือมีอาการที่แพทย์จีนเรียกว่า ม้ามพร้อง คือมีอาการท้องอืดท้องแน่น อาหารไม่ค่อยย่อย มีแก๊สในกระเพาะอาหรมาก ไม่ควรกินแตงโม (อาจกินได้บ้างเล็กน้อย) โดยเฉพาะเด็กที่ชอบกินแตงโม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรค ไม่ควรกินแตงโมแช่เย็น หรือกินมากเกินไป โดยเฉพาะเด็กที่มีอาการม้ามพร่องและมีเหงื่อออก เป็นหวัดและไอบ่อยตอนกลางคืน 
       
   สำหรับท่านที่มีอาการร้อนใน คือ มีไข้สูง ปวดหัว ท้องผูก คอแห้ง กระหายน้ำ ตัวร้อนเหงื่ออก ตาแดง ปากเหม็น ลิ้นแห้ง มีฝ้าสีเหลืองปัสสาวะสีเข้มและน้อย บางครั้งถ่ายจะแสบ ถ้ามีอาการดังกล่าวให้กินแตงโมมากๆ จะทำให้อาการไข้ลดลง หรือหายไป การขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะจะเป็นปกติ และถ้าม้ามพร่องหรือมีอาการดังกล่าวข้างต้น ให้กินน้อยๆ หรือห้ามกิน







                     อากาศร้อนๆแบบนี้ถ้าได้หม่ำเเตงโมสักคำก็คงจะดีที่สุดเเล้ว มันชั่งหวานช่ำเเละแสนอร่อยซะเหลือเกิน  ทั้งกินง่าย หาซื้อได้ง่าย แถมยังมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดด้วย ใครที่ไหนมันจะอดใจไหว เเต่การกินเจ้าเเตงโมมากไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเหมือนกันนะ มีผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการที่รับประทานแตงโมเข้าไปมากๆก็คงช่วยแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไม่ได้ เพราะน่าจะมีผลแค่ทำให้ร่างกายปัสสาวะบ่อยขึ้นเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาแตงโมจะนำไปใช้เป็นยาขับปัสสาวะมากกว่ายารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และผลเสียที่จะตามมาก็คือ หากรับประทานแตงโมมากเกินไป น้ำตาลในผลแตงโมอาจแพร่เข้าสู่กระแสเลือดได้ ซึ่งมีผลทำให้เป็นตะคริวได้ง่ายขึ้น เพราะเรากินเเต่พอควรจะดีกว่านะ วันนี้เราขอตัวไปหาเเตงโมกินก่อนนะเเล้วเจอกันงานหน้านะ เหนื่อยเเล้ว บ๊ายบายยย♥




ขอขอบคุณข้อมูลที่ดีของเจ้าเเตงโมด้วยนะครับ

http://frynn.com/%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A1/
http://www.doctor.or.th/article/detail/6739
http://www.xn--22c6buahm7b6c3b8g.com/%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A1-%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94.html

ขอขอบคุณรูปสวยนะครับ
http://www.nextsteptv.com/mysci/wp-content/uploads/2013/01/mysci_watermelon_c.jpg
http://f.ptcdn.info/117/012/000/1384418512-o.jpg
http://www.dmc.tv/images/00-iimage/560604.5.jpg
http://image.ohozaa.com/i/b01/WCQQGt.jpg
http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201311/27/670708d2d.jpg
http://www.bloggang.com/data/calalily/picture/1377752649.jpg
http://image.ohozaa.com/iq/16ov3.jpg

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 4 :โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ C#

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ C#


             หลายๆคนทั่วไปคงต้องเคยผ่านการใช้งานคอมพิวเตอร์มาเเล้วในชีวิตประจำวัน เเต่หลายคนที่ใช้งานทั่วไปนั้นคงไม่เคยทราบถึงวิธีการทำงานระหว่างคอมพิวเตอร์กับมนุษย์เรานั้นว่ามีความซับซ้อนอย่างไรบ้าง หลายคนนั้นอาจไม่เคยได้คิดถึงวิธีการทำงานของเจ้าคอมเลยด้วยซ้ำนอกจากมีไรเล่นกับทำงานในเเต่ละวัน ในบทความนี้ผมจะมาถึงเรื่องโปรเเกรมภาษาคอมพิวเตอร์C#กัน หลายคนอาจจะสงสัยว่าโปรเเกรมภาษาคืออะไร อย่างเเรกเรามาทำความรู้จักคำว่าโปรเเกรมภาษากันก่อนดีกว่าเน้อออ

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์




             โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์คือ ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำคัญคือหากไม่มีภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากขาดชุดคำสั่งในการทำงาน     คอมพิวเตอร์จะสามารถทำงานได้จะต้องมีการเขียนโปรแกรมหรือซอร์ฟแวร์ เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานโปรแกรมต่าง ๆ ที่เขียนขึ้นมานั้น         จะต้องเขียนไปตามกฎเกณฑ์ของภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ เรียกว่า ภาษาคอมพิวเตอร์



เเล้วโปรเเกรมภาษาคอมพิวเตอร์ C# คืออะไรกันหล่ะ?

          C# คืออะไร    C# คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ประเภท  object-oriented programming พัฒนาโดย  Microsoft โดยมีจุดมุ่งหมายในการวมความสามารถการคำนวณของ C++ ด้วยการโปรแกรมง่ายกว่าของ Visual Basic โดย C# มีพื้นฐานจาก C++ และเก็บส่วนการทำงานคล้ายกับ Java    C# ได้รับการออกแบบให้ทำงานกับ .NET platform ของ Microsoft จุดมุ่งหมายคือ อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนสารสนเทศและบริการผ่านเว็บ และทำให้ผู้พัฒนาสร้างโปรแกรมประยุกต์ในขนาดกระทัดรัด C# ทำให้โปรแกรมง่ายขึ้นผ่านการใช้ Extensible Markup Language (XML) และ Simple Object Access Protocol (SOAP) ซึ่งยอมให้เข้าถึงอ๊อบเจคของโปรแกรมหรือเมธอด โดยปราศจากความต้องการให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนคำสั่งเพิ่มในแต่ละขั้นตอน เนื่องจากผู้เขียนโปรแกรมสามารถสร้างบนคำสั่งที่มีอยู่ แทนที่การคัดลอกซ้ำ C#  ภาษา C# ถูกพัฒนาขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ .NET Framework เป็นการการนำข้อดีของภาษาต่างๆ (เช่นภาษา Delphi , ภาษา C++) มาปรับปรุงเพื่อให้มีความเป็น OOP (โปรแกรมเชิงวัตถุ) มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ลดความซับซ้อนในโครงสร้างของภาษาลง (เรียบง่ายกว่าภาษา C++) และมีสิ่งที่เกินความจำเป็นน้อยลง (เมื่อเทียบกับ Java)                   C# ถูกรับรองจากหน่วยงาน ECMA (หน่วยงานกำหนดมาตรฐานสากลด้านสารสนเทศ) และ ISO และปัจจุบันไมโครซอฟท์ยังพัฒนาภาษานี้อย่างต่อเนื่อง (ปัจจุบันเป็นเวอร์ชัน 3.0)





เครื่องมือสำหรับพัฒนาโปรแกรม

            การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษา C# นั้น จะมีเครื่องมือที่คอยช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และ ผู้เขียนโปรแกรมสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวก็คือ โปรแกรม Visual Studio นั่นเอง
            Visual Studio เป็นซอฟต์แวร์ประเภท IDE (Integrated Development Environment) ซึ่งเป็นการนาแนวความคิดการทางานแบบรวมศูนย์มาใช้ คือ การทาให้วงจรการพัฒนาระบบทั้งหมดทางานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และ ง่ายดาย เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์ ออกแบบจนถึงการนาไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นๆ






เปรียบเทียบภาษา C# กับภาษาอื่นๆ
     1.ถ้าพูดถึงความใกล้เคียงกับภาษาอื่นๆ ภาษา C# ใกล้เคียงกับภาษา Java มากที่สุด โดยมีความเหมือนกันถึง 70% ดั้งนั้นนักเขียนโปรแกรมภาษา Java จึงอาจย้ายมาเขียนภาษา C# ได้โดยศึกษาว่ามีสิ่งใดที่แตกต่างกันบ้าง ภาษา C# ยังมีความคล้ายคลึงกับภาษ C++.NET และภาษา VB.NET เป็นอย่างมาก ทำให้นักเขียนโปรแกรมภาษา C# สามารถอ่าน-เขียนโค้ดในภาษากลุ่มนี้ได้เมื่อฝึกฝนเพียงเล็กน้อย 
     2.C# และภาษา Java ทั้งคู่เป็นแบบสืบจากคลาสหลักได้คลาสเดียว ขณะที่ภาษา C++ สามารถสืบจากคลาสหลักได้มากกว่าหนึ่ง (Multiple inheritance) โดยภาษา C# และภาษา Java ใช้ Interface มาทดแทน Multiple inheritance เหมือนกันทั้งคู่
     3.สิ่งที่ภาษา C# และ Java มีร่วมกันคือเรื่อง Garbage Collection แต่ไม่มีใน C++ จึงทำให้ดูเหมือนว่าภาษา Java ต่อยอดมาจากภาษา C++ และ C# ต่อยอดมาจาก Java อีกที ที่เป็นเช่นนั้นเพราะทั้ง Java และ C# มีต้นสายมาจาก C++ ทำให้สองภาษานี้ดูคล้ายกัน แต่ภาษา C# ไม่ใช่ภาษา Java มันมีกลไกที่เป็นเอกลักษณ์หลายอย่าง เช่น พารามิเตอร์แบบ reference และ output การจัดเก็บ object ไว้ใน stack (struct) การทำ Versioning และยังมีสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นข้อดี เช่น delegate, properties และ operator overloading ซึ่งจะไม่พบในภาษา Java




จุดเด่นของภาษา C# มีดังนี้
1.Component oriented - เป็นภาษาที่เน้นชิ้นส่วนโดยถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีทำให้สามารถนำมาใช้ต่อกันเป็นอะไรก็ได้
2.สิ่งต่าง ๆ ใน C# เป็นออบเจ็กต์ทั้งหมด
3.ป็นภาษา ที่ทนทาน (robust) - ทนต่อความผิดพลาด ไม่ทำให้ระบบแฮงก์หรือระบบทำงานช้า เพราะ C# มีข้อดีคือ garbage collection , exception , type-safety และ versioning 
4.ภาษา C# จัดเตรียมกลไกไว้หลายอย่างที่ช่วยให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถนำโค้ดที่เขียนไว้ใน ?โปรเจค? หนึ่งไปใช้กับอีกโปรเจคหนึ่งได้ง่าย นอกจากนั้นภาษา C# ยังสามารถเรียกใช้คลาสหลายพันคลาสใน .NET Framework ได้โดยตรง ทำให้ลดเวลาการพัฒนาซอฟท์แวร์ได้มาก





วิธีการเขียนโปรเเกรมภาษาc#เบื้องต้น










ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://kroobee.wordpress.com/2010/09/16/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C/
http://www.mindphp.com/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD/73-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/2184-c-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9B-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html
https://sites.google.com/site/programmingm42/phasa-c



ขอขอบคุณรูปภาพจาก
http://www.amplysoft.com/chmod777/knowledge/image/images/progLanguages.jpg
http://images3.content-hca.com/commimg/myhotcourses/blog/post/myhc_16942.jpg
http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/916/40916/images/70.gif
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhOxsEWbXeJI9GPnAfHk-Gk5whh5m7mhw3cbbFdU4fmJcvLdbgQ6s3P6Shk6uX_CSzHJJDxheP8WxJyD9tRQVHkTp9kbMHItHoCRTglf4hSOYkuEdq8gxGZEb9O5onnyyBXeX-TSwwx05Mb/s1600/Untitled333.jpg
http://www.uppic.org/image-6D90_5297238F.jpg


วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

week 3 : Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

              


              ในปัจจุบัน ถ้าพูดถึง Social Network คงไม่มีใครไม่รู้จักกัน ไว้ว่าจะเป็น แอพแชทยอดฮิตอย่างLine, Twitter, Facebook หรือถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ Hi5 เพราะกระแส Social Network ในสังคมโลกกลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในกระแสเลือดของกลุ่มคนที่มีอายุ 10 กว่าจนถึง 40 ปีไปแล้ว ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเรื่องอื่นเรามาทำความรู้จักกับ Social Networkกันก่อนดีกว่า


Social Network คืออะไร

        Social Network คือเครือข่ายสังคมออนไลน์  หรือการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับสิบ รวมไปถึงเพื่อนของเพื่อนอีกนับร้อย  ผ่านผู้ให้บริการด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) บนอินเตอร์เน็ต เช่น Facebook, Blogger, Hi5, Twitter หรือ Tagged เป็นต้น (บางเว็บไซต์ที่กล่าวถึงในตัวอย่าง ปัจจุบันนี้ได้เสื่อมความนิยมแล้ว)  การเชื่อมโยงดังกล่าว ทำให้เกิดเครือข่ายขึ้น เช่น เราสามารถรู้จักเพื่อนของเพื่อนเราได้  เป็นทอดๆ ต่อไปเรื่อย  ทำให้เกิดสังคมเสมือนจริงขึ้นมา  สามารถสร้างคอนเน็คชั่นใหม่ๆ ได้ง่าย  และเมื่อเราแชร์ (Share) ข้อความหรืออะไรก็ตามลงไปในเครือข่าย  ทุกคนในเครือข่ายก็สามารถรับรู้ได้พร้อมกัน  และสามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เราแชร์ได้  เช่น  แสดงความคิดเห็น (Comment)  กดไลค์ (Like) ซึ่งอาจจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละผู้ให้บริการ  ความโดดเด่นในเรื่องความง่ายของโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ทำให้ธุรกิจ และนักการตลาดสนใจที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการ

ประโยชน์ของSocial Network

              Social Network มีจุดเด่นหลัก คือ ช่วยเรื่องการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ สื่อสารได้ในวงกว้าง ได้หลายรูปแบบ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ ในเชิงการใช้งานทั่วไปแล้ว สามารถสื่อสารกับคนที่มีความชื่นชอบในเรื่องเดียวกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือรวมตัวกันทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งพบป่ะเพื่อน ที่ไม่เคยเจอกันนานแล้ว หรือเพื่อนที่อยู่ไกลกันได้อีกด้วย และด้วยความที่ Social Network เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็วและเป็นช่องทางการสื่อสารได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำมาใช้ทางด้านธุรกิจ โปรโมทตนเอง โปรโมทสินค้า องค์กร หรือบริษัท รวมถึงใช้เป็นช่องทางสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า สร้างกิจกรรม หรือพูดคุยตอบข้อซักถามถึงสินค้าและบริการ ทำให้เรามีอีกช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้าได้


Social Networkกับสังคมไทย

ในปัจจุบัน Social Network ในสังคมไทยได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนทุกคนต่างต้องใช้
Social Network เเทบทุกวันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเเล้ว ไม่ว่าจะตั้งเเต่ตื่นนอน ระหว่างรับประหาร เดินทาง ทำงาน ไปจนกระทั่งก่อนที่เราจะนอน ทำให้หลายๆคนเกิดอาการติดSocial Networkไปเสียเเล้ว คนส่วนมากกลับใช้มันในทางที่ผิดๆ หรือไม่ถูกวิธี จนอาจทำให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อตัวผู้ใช้เลยก็ว่าได้ บางคนเล่นSocial Networkทั้งวัน นอกจากคุณจะใช้เวลาให้เปล่าประโยชน์แล้ว อาจมีการลดปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารระหว่างคนรอบข้างอีกด้วยจึงกลายเป็นอีกสังคมหนึ่งที่เรียกว่าสังคมก้มหน้านั้นเอง คือต่างคนต่างอยู่เเต่กับตัวเองไม่สนผู้อื่น หรือ มันอาจจะทำให้เราเป็นคนที่มีสมาธิสั้น จิตใจไม่นิ่ง ใจจดใจจ่ออยู่เเต่Social Network จนไม่มีจิตใจทำอะไร
           ข้อดีของ Social Network ก็มีมากมาย เพียงแต่ว่าใช้อย่างถูกวิธีและอย่าใช้เยอะจนเกินความพอดี มีความคิดที่ดีก่อนใช้งานก็จะไม่มีปัญหาอะไรกับเราอีกต่อไป




ขอขอบคุณกั๊บ

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

week 2: เรื่องที่นักเรียนสนใจ

กระต่ายน้อยเเสนรัก.......มารู้จักกับสายพันธุ์กระต่ายกันเถอะ

                ในปัจจุบัน กระต่าย เป็นสัตว์ที่นิยม เลี้ยงกันมาก ทั้งนี้ก็เพราะ ความน่ารัก และ ความสวยงาม ของเขา
     และ เจ้ากระต่ายก็ ยังมีหลากหลายสี และ สายพันธุ์ ต่างๆมากมาย นอกจากนี้กระต่ายนั้นก็เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย       ซึ่งการดูแลและ อาหารที่ใช้ในการเลี้ยง หา ซื้อ ได้ง่ายนั้นเอง ก่อนที่เราจะไปดูเกีี่ยวกับสายพันธุ์ของ            กระต่ายเรามาทำความรู้จักกับกระต่ายกันซักหน่อยละกัน 


ที่มา:http://i850.photobucket.com/albums/ab63/kanra4242/others/221926668.jpg

             กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งแต่เดิมเขาอยู่ในป่าแล้วถูกคนเรานำมาพัฒนาจนกลายเป็นกระต่ายบ้านกระต่ายเลี้ยงอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ กระต่ายจัดเป็นกลุ่มผู้ถูกล่าตามธรรมชาติ  ซึ่งนั่นทำให้กระต่ายเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างระวังตัว ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เราจะไม่ค่อยได้ยินเสียงของกระต่าย ถ้าเขาไม่เจ็บปวด หรือป่วยไข้จริงๆ เพราะการที่เขาส่งเสียงอาจจะทำให้มีภัยถึงชีวิตกันเลยล่ะ

กระต่ายมีพันธุ์อะไรบ้าง

1.กระต่ายไทย

เป็นกระต่ายพื้นบ้านของประเทศไทยคับ ลักษณะตัวใหญ่ มีหลากหลายสี ว่องไวปราดเปรียว หูยาว หน้าค่อนข้างจะกลม มีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง สามารถกระโดดได้สูง


2.นิวซีแลนด์ ไวท์ แรบบิท

เป็นกระต่ายพื้นเมืองของประเทศนิวซีแลนด์ ลักษณะตัวใหญ่กว่ากระต่ายไทย มีขนสีขาวจนถึงเหลืองอ่อนๆ หูยาว ตาแดง มีลักษณะลำตัวอ้วนตัน ใช้สำหรับเป็นอาหารและการทดลอง





3.ไลอ้อนเฮดท์

เป็นกระต่ายที่ตัวใหญ่ มีขนเป็นแผงคอจึงทำให้ดูเหมือนสิงโต ตัวอ้วน น้ำหนักมาก มีหลายสี





4.เท็ดดี้แบร์

เป็นกระต่ายที่มีขนาดกลางๆ มีขนฟูทั่วตัว ดูเเล้วน่ารัก มีหลากหลายสี พบได้ง่ายในท้องตลาด





5.วู๊ดดี้ทอย

เป็นกระต่ายขนาดค่อนข้างเล็ก มีขนนุ่มๆฟูๆกระจายไปทั่วตัว คล้ายๆเท็ดดี้แบร์ แต่จะตัวเล็กกว่า มีหลายสี อาจหาได้ยากกว่าเท็ดดี้แบร์



6.เจอร์รี่วู๊ดดี้ทอย

เป็นกระต่ายพันธุ์ผสม มีขนนุ่ม ฟูไปทั่วตัว ตัวเล็ก มีหลากหลายสี ราคาค่อนข้างสูง และหาได้ยากตามท้องตลาด

7.มินิล็อป

เป็นกระต่ายหูตกชนิดหนึ่ง มีขนาดกลางๆ ลำตัวค่อนข้างอ้วนกลม ขนจะยาว หาเจอได้ง่ายตามตลาด






8.ฮอลแลนด์ล็อป

กระต่ายหูตกอีกชนิดหนึ่ง ราคาค่อนข้างสูง มักมีแต่สีพื้นๆ มีขนาดเล็กกว่ามินิล็อป ดูเเล้วหน้ากลมน่ารักเป็นกระต่ายขนาดกลาง รูปร่างเล็กแต่ลำตัวแน่น กลม หัวสั้น และหูตก นิสัยโดยยทั่วไปของฮอลแลนด์ ลอปคือเรียบร้อย แต่ตัวเมียมักจะค่อนข้างขี้อาย ขนยาวปานกลาง แต่ก็ต้องการการดูแลเรื่องแปรงขนเหมือนกัน




9.เนเธอร์แลนด์ดรอฟ

เป็นกระต่ายพันธุ์ผสมระหว่างกระต่ายแคระกับกระต่ายเนเธอร์แลนด์ มีขนาดเล็กที่สุด หูสั้น ตัวอ้วน แต่เปรียว ราคาแพง แต่เป้นที่นิยม หัวจะกลมหน้าจะสั้น



10.อิงลิซล็อป

กระต่ายหูตกที่ดังที่สุดในอังกฤษ ในประเทศไทยต้องสั่งนำเข้ามาเท่านั้น หูจะยาวกว่าลำตัว ขนจะสั้นเกรียนไปทั่วทั้งตัว



11.ดัชต์

เป็นกระต่ายพันธุ์กลางๆอีกชนิดหนึ่ง ขนสั้น ลำตัวเปรียว ราคาก็ค่อนข้างสูง หูจะยาว กระโดดได้สูง




12.มินิเร็กซ์

มินิเร็กซ์ เป็นกระต่ายขนาดเล็ก ขนนุ่มเหมือนกำมะหยี่ เป็นกระต่ายที่อารมณ์ดี เหมาะสำหรับเป็นสัตว์เลี้ยง ผู้เลี้ยงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตัดแต่งขน เพียงแค่ใช้ฝ่ามือลูบหลัง ขนที่ตายก็จะหลุดออกไป




13.โปลิส

มีต้นกำเนิดที่เบลเยี่ยม หูสั้น ปลายหูชนกัน ตัวเล็ก ราคาค่อนข้างสูง




ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะเลี้ยงกระต่าย ควรศึกษาทำความเข้าใจเขาให้ดี คุณจะรับได้หรือไม่กับธรรมชาติของเจ้าขนปุยที่รักอิสระ เรียกแล้วอาจจะไม่มาหาเราง่ายๆเหมือนน้องหมา ฝึกก็ยุ่งยากกว่า คุยกันก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ต้องมีเวลาให้เขา พร้อมดูแลยามป่วยไข้ และอีกมากมาย หากคุณคิดว่าคุณดูแลเขาได้ เรายินดีต้อนรับสู่โลกของคนรักกระต่ายครับ คุณจะได้พบกับเพื่อนตัวน้อยสุดแสนน่ารัก มีความดื้อ อ้อน ซน และมีมุมตลกๆให้คุณฮาไม่เว้นวันไปเลยเน้อออ♥







ขอขอบคุณกัํ๊บ:

ที่มารูป:

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 1 : เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน

ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

                                  
                ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีบทบาทกับชีวิตเราเป็นอย่างมากในชีวิตประจำวันของเรา  ในเเต่ละวัน       นั้นเราต้องพบเจอกับเทคโนโลยีหลากหลายเเบบจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตในเเต่ละวัน       ของทุกคนไปเเล้ว 


                                               ที่มา:http://p3.s1sf.com/me/0/ud/0/798/men.jpg


            ชีวิตของคนเราจะพบเจอกับเทคโนโลยีตั้งเเต่เราตื่นนอนจนถึงเวลาที่เราต้องนอนหลับพักผ่อน    ตอนกลางคืนอีกครั้ง ซึ่งทุกคนส่วนใหญ่จะตื่นนอนได้จากการตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ เเละนาฬิกาปลุก       นั้นก็ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีชนิดหนึ่ง ซึ่งเเม้เเต่การรับประทานอาหารเราก็มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย        อีกหลายชนิด เช่น ไมโคเวฟ หรือ กาน้ำร้อนไฟฟ้า สิ่งต่างๆล้วนเป็นเทคโนโลยีทั้งสิ้น ดังนั้นคนเรา         ทุกคนล้วนเเต่ต้องเคยใช้เทคโนโลยีมาเเล้วทั้งนั้น ซึ่งบทบาทเเละประโยชน์ของเทคโนโลยีก็มีหลาย      อย่าง ได้เเก่

1. ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น จากสิ่งอำนวยควมสะดวกต่าง ๆ
2. ทำให้เกิดสื่อการเรียนการสอนต่างๆมากขึ้น เช่น การใช้บทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นต้น
3. ช่วยให้ติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างสะดวกรวดเร็ว โดยใช้โทรศัพท์  คอมพิวเตอร์หรือในรูปของ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
4. ทำให้เกิดการจัดการทรัพยากรธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น เช่น การรวบรวมข้อมูลเรื่องคุณภาพในแม่น้ำลำคลองต่างๆ เพื่อนำมาตรวจวัดมลภาวะ แล้วดำเนินการแก้ไขปัญหา เป็นต้น
5. ทำให้เกิดระบบป้องกันประเทศที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การใช้คอมพิวเตอร์มาควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ หรือระบบป้องกันภัยต่าง ๆ เป็นต้น
6.ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา มีความสะดวกสบายในการติดต่อหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
7.  สามารถเพิ่มช่องทางเลือกในการรับรู้ข่าวสารของประชาชนให้มากขึ้น
8. ลดแรงงานคนในการทำงานต่าง ๆ เช่น ควบคุมการผลิต และช่วยในการคำนวน
9. เป็นแหล่งความบันเทิง
10.ลดต้นทุนการผลิต
11. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสารนิเทศ เช่น ช่วยนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร  ด้วยการช่วยคำนวณตัวเลขที่ยุ่งยาก ซับซ้อนซึ่งไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยมือ

                         ที่มา:http://board.postjung.com/data/827/827358-topic-1416276051-1p.jpg

                เห็นได้ว่าเทคโนโลยีมีประโยชน์ต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก ทั้งทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบาย   ทำให้ติดต่อสื่อการกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ชีวิตเราทำอะไรหลายๆอย่างได้ง่ายขึ้น ทำให้ชีวิตมีความเพลิดเพลิย เเละยังมีเเหล่งสื่อการเรีียนการสอนเยอะเเยะมากขึ้นเเละยัังเข้าถึงทุกพื้นที่ที่ห่างไกลจากตัวเมืองอีกด้วย   อย่างไรก็ตามผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีมากเกินไปก็มีด้วยเช่นกันดังนั้น
 ผู้ใช้จึงต้องใช้วิจารณญาณของตนในการไตร่ตรองเองด้วย และถ้าหากเป็นเด็ก ผู้ปกครองก็ควรให้คำแนะนำเพื่อที่จะเป็นการป้องกันการเกิดผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีมากเกินไปอีกด้วย








ขอขอบคุณ
http://tempoismvp.blogspot.com/2008/09/blog-post_2701.html
https://blog.eduzones.com/moobo/78858
รูปประกอบ
http://nirun1972.files.wordpress.com/2012/10/e0b8a0e0b8b2e0b89ee0b884e0b8ade0b8a11.jpg?w=640
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=3215667