วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week 8 : แนะนำ/Review การใช้งาน 1โปรแกรม (YTD)

มาเริ่มกันที่แท็บสุดท้ายกันดีกว่า มันคือแท็บ Play นั่นเอง ก็เราสามารถเลือกไฟล์ในเครื่องคอมพิวเตอร์เรามาเล่นเป็นเหมือน Player ตัวหนึ่งเลยก็ได้ครับ

ต่อมาเป็นแท็บ Activity ก็คือแท็บที่เวลาเรากดดาวโหลดแล้วมันทำงานอยู่มันก็จะมาแสดงในแท็บนี้นะจ้ะ

ต่อมาเป็นแท็บแรกแท็บ ดาวน์โหลดดด สำคัญที่สุดแล้ว ในช่องนั้นก็ให้เอาลิ้งยูทูปมาใส่ได้เลย ลิ้งยูทูปก็คือ ยกตัวอย่างเช่น https://www.youtube.com/watch?v=HtXHO3Jt7es ต่อมาก็เลือกความละเอียด แล้วก็ที่เก็บ ส่วนข้างล่างเป็นของโปร คือต้องเสียเงิน

อันที่สองจะเป็น การแปลงไฟล์จาก วิดีโอในเครื่องให้เป็น สกุล MP4
 หรือสกุลอื่นๆได้อีกมากมาย

ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี่จ้า เดี๋ยวเจอกันวีคหน้านะ วีคสุดท้ายของเราแล้วนะะะะะะะ

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week7: คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

 คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์



          ในปัจจุบันเราได้ใช้งานคอมพิวเตอร์ในการติดต่อสื่อสารกัน ส่งข้อมูลหากัน โดยการเชื่อมต่อหากันได้นั้นต้องมีการนำกลุ่มคอมพิวเตอร์เเละอุปกรณ์ต่างๆ ถูกนำมาเชื่อมต่อกัน เพื่อให้ผู้ใช้ติดต่อสื่อสารกันได้ ในวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มันคืออะไร เเละต้องทำอย่างไรถึงจะเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ ไปดูกันเลยดีกว่า


เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไรง่ะ?
          เครือข่ายคอมพิวเตอร์  (Computer  Network)  คือระบบที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเครื่องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อกลาง  และก็สื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ซึ่งทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทรัพยากร(Resources) ที่มีอยู่ในเครือข่ายร่วมกันได้ เช่น เครื่องพิมพ์ ซีดีรอม สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
       แนวคิดในการสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์นั้น เริ่มมาจากการที่ผู้ใช้ต้องการที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว คอมพิวเตอร์เดี่ยวๆ เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลในปริมาณมากอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แต่ข้อเสียคือ  ผู้ใช้ไม่สามารถแชร์ข้อมูลนั้นกับคนอื่นอย่างมีประสิทธิภาพได้ก่อนที่จะมีเครือข่ายคอมพิวเตอร์



องค์ประกอบพื้นฐานของเครือข่าย
          ก่อนที่คอมพิวเตอร์ของพวกเรานั้นจะเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายกันได้ ก็ต้องมีองค์ประกอบพื้นฐานหลายอย่าง ดังนี้
- ต้องมีคอมพิวเตอร์ อย่างน้อย  2  เครื่อง
- เน็ตเวิร์ดการ์ด  หรือ  NIC ( Network  Interface  Card) เป็นการ์ดที่เสียบเข้ากับช่องที่ เมนบอร์ดของ          คอมพิวเตอร์  ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และเครือข่าย
- สื่อกลางและอุปกรณ์สำหรับการรับส่งข้อมูล  เช่น  สายสัญญาณ  ส่วนสายสัญญาณที่นิยมที่ใช้กันใน       เครือข่ายก็เช่น  สายโคแอ็กเชียล  สายคู่เกลียวบิด  และสายใยแก้วนำแสง  เป็นต้น ส่วนอุปกรณ์ เครือ     ข่าย  เช่น  ฮับ สวิตช์ เราท์เตอร์ เกตเวย์ เป็นต้น
- โปรโตคอล  ( Protocol) โปรโตคอลเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์ใช้ติดต่อสื่อสารกันผ่านเครือข่าย                  คอมพิวเตอร์ที่สามารถสื่อสารกันได้นั้นจำเป็นที่ต้องใช้  “ภาษา” หรือใช้โปรโตคอลเดียวกันเช่น  OSI,     TCP/IP,  IPX/SPX เป็นต้น
- ระบบปฏิบัติการเครือข่าย  หรือ NOS (Network Operating System)ระบบปฏิบัติการเครือข่ายจะเป็นตัว       คอยจัดการเกี่ยวกับการใช้งานเครือข่ายของผู้ใช้แต่ละคน


องค์ประกอบต่างๆคืออะไรกันบ้างหล่ะ?
1. เน็ตเวิร์คการ์ด
        เน็ตเวิร์คการ์ดจะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่าย ส่วนใหญ่จะเรียกว่า “NIC (Network Interface Card)” หรือบางทีก็เรียกว่า “LAN การ์ด (LAN Card)” อุปกรณ์เหล่านี้จะทำการแปลงข้อมูลเป็นสัญญาณที่สามารถส่งไปตามสายสัญญาณหรือสื่อแบบอื่นได้  ปัจจุบันนี้ก็ได้มีการแบ่งการ์ดออกเป็นหลายประเภท   ซึ่งจะถูกออกแบบให้สามารถใช้ได้กับเครือข่ายประเภทแบบต่าง  ๆ  เช่น  อีเธอร์เน็ตการ์ด  โทเคนริงการ์ด  เป็นต้น  การ์ดในแต่ละประเภทอาจใช้กับสายสัญญาณบางชนิดเท่านั้น  หรืออาจจะใช้ได้กับสายสัญญาณหลายชนิด เน็ตเวิร์คการ์ดจะติดตั้งอยู่กับคอมพิวเตอร์ โดยเต้าเสียบเข้ากับช่องบนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์   ส่วนมากคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในปัจจุบันจะมีเฉพาะช่อง PCI ซึ่งก็ใช้บัสที่มีขนาด 32 บิต  อย่างไรก็ตาม ยังมีคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่ยังมีช่องแบบ  ISA อยู่  ซึ่งมีบัสขนาด 16 บิต  และมีการ์ดที่เป็นแบบ  ISA จะประมวลผล  ข้อมูลช้ากว่าแบบ  PCI

2.  สายสัญญาณ
ปัจจุบันมีสายสัญญาณที่ใช้เป็นมาตรฐานในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์อยู่3 ประเภท
2.1  สายคู่บิดเกลียว             สายคู่บิดเกลียว  ( twisted   pair )  ในแต่ละคู่ของสายทองแดงซึ่งจะถูกพันกันตามมาตรฐาน    เพื่อต้องการลดการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับคู่สายข้างเคียงได้แล้วผ่านไปยังสายเคเบิลเดียวกัน  หรือจากภายนอกเท่านั้น    เนื่องจากสายคู่บิดเกลียวนั้นมีราคาไม่แพงมากใช้ส่งข้อมูลได้ดี  แล้วน้ำหนักเบา ง่ายต่อการติดตั้ง  จึงทำให้ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางตัวอย่างคือสายโทรศัพท์สายแบบนี้มี 2 ชนิดคือ
             ก. สายคู่บิดเกลียวชนิดหุ้มฉนวน   (Shielded  Twisted   Pair : STP) เป็นสายคู่บิดเกลียวที่หุ้มด้วยฉนวนชั้นนอกที่หนาอีกชั้นดังรูป     เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

             ข. สายคู่เกลียวชนิดไม่หุ้มฉนวน  (Unshielded Twisted  Pair : UTP)  เป็นสายคู่บิดเกลียวที่หุ้มด้วยฉนวนชั้นนอกด้วยซึ่งบางทีก็หุ้มอีกชั้นดังรูป  ซึ่งทำให้สะดวกในการโค้งงอ  แต่ก็สามารถป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้น้อยกว่าชนิดแรก                          
2.2   สายโคแอกเชียล                สายโคแอกเชียล เป็นตัวกลางการเชื่อมโยงที่มีลักษณะเช่นเดียวกับสายทีวีที่มีการใช้งานกันอยู่เป็นจำนวนมากไม่ว่าจะใช้ในระบบเครือข่ายเฉพาะที่  และใช้ในการส่งข้อมูลระยะที่ไกลระหว่างชุมสายโทรศัพท์หรือการส่งข้อมูลสัญญาณวีดีทัศน์ ซึ่งสายโคแอกเชียลที่ใช้ทั่วไปก็มีอยู่ 2
ชนิด   คือ 50 โอห์ม  ซึ่งใช้ส่งข้อมูลแบบดิจิทอล   และชนิด 75โอห์ม  ซึ่งก็จะใช้ส่งข้อมูลสัญญาณอนาล็อก    สายโคแอกเชียลมีฉนวนหุ้มเพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า  และก็เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนอื่น ๆ ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สายแบบนี้มีช่วงความถี่ที่สัญญาณไฟฟ้าสามารถส่งผ่านได้กว้างถึง 500 Mhz จึงสามารถส่งข้อมูลด้วยอัตราของการส่งสูงขึ้น          

2.3  เส้นใยแก้วนำแสง เส้นใยนำแสง  ( fiber  optic ) เป็นการที่ใช้ให้แสงเคลื่อนที่ไปในท่อแก้ว    ซึ่งสามารถส่งข้อมูลด้วยเป็นอัตราความหนาแน่นของสัญญาณข้อมูลที่สูงมาก  ที่ปัจจุบันถ้าใช้เส้นใยนำ แสงกับระบบอีเธอร์เน็ตก็ใช้ได้ด้วยความเร็ว 10  เมกะบิต   ถ้าใช้กับ  FDDI  ก็จะใช้ได้ด้วยความเร็วสูงถึง100 เมกะบิต        





3.  อุปกรณ์เครือข่าย
   
อุปกรณ์ที่นำมาใช้ในเครือข่ายทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับการรับ- ส่งข้อมูลในเครือข่าย   หรือใช้สำหรับทวนสัญญาณเพื่อให้การรับ-ส่งข้อมูลได้ดี และส่งในระยะที่ไกลมากขึ้น   หรือใช้สำหรับขยายเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่ขึ้น อุปกรณ์เครือข่ายที่พบเห็นโดยทั่วไป เช่น ฮับ สวิตซ์ เราท์เตอร์
    3.1  ฮับ (Hub)
          ฮับ (HUB) คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมกันระหว่างกลุ่มของคอมพิวเตอร์   ฮับมีหน้าที่รับส่งเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่ง   เพื่อส่งไปยังทุก ๆ พอร์ตที่เหลือ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับฮับจะแชร์แบนด์วิธหรืออัตราข้อมูลของเครือข่าย
3.2  สวิตซ์ (Switch)
               สวิตซ์  (Switch)  หรือ บริดจ์  (Bridge)  เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อ LAN สองเครือข่ายเข้าด้วยกัน  โดยจะต้องเป็น LAN ชนิดเดียวกัน และก็ใช้โปรโตคอลในการรับส่งข้อมูลเหมือนกัน เช่น ใช้ในการเชื่อมต่อ Ethernet LAN ทั้งสองเครือข่ายเข้าด้วยกัน
3.3  เราท์เตอร์ ( Routing )
                เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อในระบบเครือข่ายกับหลายระบบเข้าด้วยกันที่คล้ายกับบริดจ์  แต่ก็มีส่วนการทำงานจะซับซ้อนมากกว่าบริดจ์มาก  โดยเราท์เตอร์ก็มีเส้นทางการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างแต่ละเครือข่ายเก็บไว้เป็นตารางเส้นทาง เรียกว่า  Routing Table  ทำให้เราท์เตอร์สามารถทำหน้าที่จัดหาเส้นทาง และเลือกเส้นทางเหมาะสมที่สุดเพื่อใช้ในการเดินทาง  และเพื่อการติดต่อระหว่างเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 3.4  โปรโตคอล (Protocol)
                 ในการเชื่อมโยงของเครือข่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ ในแต่ละเครื่องอาจก็ต้องมีระบบที่เหมือนกัน หรือแตกต่างกัน เช่นในการใช้งานในเครือข่ายจึงต้องเป็นมาตรฐานหรือระเบียบที่ใช้ในการติดต่อให้แต่ละเครื่องมีวิธีการสื่อสารที่เป็นไปตามแนวทางเดียวกันได้  เพื่อให้เป็นการเชื่อมโยงข้อมูล และในการติดต่อสื่อสารของเครื่องคอมพิวเตอร์ในแต่ละเครื่องต้องมีความเข้าใจถูกต้องตรงกันและสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี  ไม่เกิดความเสียหายนั้นเกิดขึ้น จึงมีการกำหนดวิธีการมาตรฐานขึ้นเรียกว่า โปรโตคอล ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าโปรโตคอล  หมายถึง  กฎเกณฑ์  ข้อตกลง  ภาษาสื่อสาร รูปแบบ วิธีการเชื่อมต่อของเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย (ระบบใดๆ ก็ตาม)ให้สามารถติดต่อสื่อสารมีการใช้งานร่วมกันได้หลากหลาย



ที่มา:
http://5332011101.blogspot.com/2012/02/teamwork-centralized-computing-dump.html
รูปภาพประกอบ:
http://www.sahavicha.com/UserFiles/Image/network.jpg
https://cherrycherry2009.files.wordpress.com/2013/02/lne100tx-300x198.jpg
https://starkkamjongin.files.wordpress.com/2013/09/sw.jpg
http://www.serveasy4u.com/image/mypic_article/UTP.jpg


วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week6:วิเคราะห์ข้อสอบO-net คอมพิวเตอร์ 5 ข้อ

ข้อสอบO-net ปี51 การงานอาชีพและเทคโนโลยี (22 ก.พ. 2552)


1) ข้อใดเป็นระบบปฏิบัติการทั้งหมด
      1. Solaris , Symbian , IPX , RAM
      2. DOS , WWW , Linux , Windows
      3. Symbian , Mac OS , Linux , Windows
      4. Unix , Linux , Mac OS , Microsoft Office

เฉลย ข้อ3
            เพราะ Symbian , Mac OS , Linux , Windows เป็นระบบปฎิบัติการทั้งหมด ข้อ3จึงถูกข้อ1 RAM ผิด ข้อ2 WWWผิด ข้อ4 Microsoft Office ผิด

2) ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อย่างไรจึงช่วยลดภาวะโลกร้อน
      1. เลือกใช้จอแอลซีดีและปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้ทันสมัย
      2. ไม่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายและใช้เครื่องพิมพ์เเบบเลเซอร์
      3. ใช้คอมพิวเตอร์วันละ 1 ชม. และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ
      4. ใช้งานเมื่อทำงานที่มีประโยชน์และจำเป็น ไม่เปิดเครื่องทิ้งไว้

เฉลย ข้อ4
          ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จะลดภาวะโลกร้อนได้โดยใช้งานคอมพิวเตอร์ทำงานที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ ไม่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้โดยไม่ใช้งานหรือทำงานที่ไม่จำเป็น


3)ถ้าต้องการถนอมอายุการใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้งานต้องปฏิบัติข้อใด
      1. ใช้เครื่องสำรองไฟ (UPS) และตรวจสอบสภาพฮารดแวร์เป็นประจำ
      2. รักษาความสะอาดของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อยู่เป็นประจำ เเละใช้คีย์บอร์ดเเละเมาส์ไร้สาย
      3. เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ต่างๆด้วยสายคุณภาพสูง เเละ พักเครื่องโดยการปิดเครื่องเป็นระยะ
      4. ไม่วางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในห้องที่อุณหภูมิสูงเเละไม่รับประทานอาหารเเละเครื่องดื่มใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์

เฉลย ข้อ 1 
          เครื่องสำรองไฟ มีประโยชน์อย่างมาก ป้องกันการเกิดไฟกระชาก ซึ่งอาจจะส่งผลให้อุปกรณ์เสียหายได้ ป้องกัน ไฟฟ้าดับ ไฟตก ไฟกระชาก และยังทำการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เครื่องคอมอย่างสม่ำเสมอ ช่วยยืดอายุอุปกรณ์ของเราไปได้อีกนาน เเละการตรวจฮาร์ดเเวร์อยู่เป็นประจำก็เป็นการถนอมอายุการใช้งานเหมือนกัน คอยเปลี่ยนดูเเลอุปกรณ์ให้ใหม่อยู่ตลอดเวลา

4) ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ประโยชน์โดยตรงของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
      1. ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน
      2. สามารถใช้บริการได้ทุกที่ทุกเวลา
      3. สามารถคำนวณรายรับ รายจ่ายและภาษีได้ละเอียดและถูกต้อง
      4. สามารถให้ข้อมูลลูกค้าได้อย่างละเอียดและถูกต้องเป็นปัจจุบัน

เฉลย ข้อ 3
          เพราะ การใช้คอมพิวเตอร์ในการคำนวณรายรับรายจ่ายและภาษี ไม่ใช่การทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นเพียงการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่เหมาะสม


5)ตามมาตรฐานการจัดระบบการเชื่อมต่อสื่อสาร ระหว่างระบบเปิด (Open System Interconnection : OSI)
การควบคุมข้อมูลถถูกส่งผ่านจากต้นทางไปยังปลายทางด้วยเส้นทางที่เหมาะสม เกิดในเครื่อข่ายชั้นใด
      1. ชั้นขนส่ง(transport)
      2. ชั้นเครือข่าย(network layer)
      3. ชั้นกายภาพ (physical layer)
      4. ชั้นเชื่อมโยงข้อมูล (data link layer)

เฉลย ข้อ2
       ทำหน้าที่ควบคุมการส่งผ่านข้อมูลระหว่างต้นทางและปลายทางโดยผ่านจุดต่าง ๆ บนเครือข่ายให้เป็นไปตามเส้นทางที่กำหนด รวบรวมและแยกแยะข้อมูลเพื่อหาเส้นทางในการส่งข้อมูลที่เหมาะสม





ขอขอบคุณเเหล่งข้อมูล
http://www.thaigoodview.com/library/exam/o-net/2551/m6-art-2551.pdf
http://www.thaigoodview.com/node/38446
http://www.trueplookpanya.com/


http://teen.mthai.com/wp-content/uploads/2013/03/shutterstock_57915322.jpg
http://www.bloggang.com/data/y/yinglove/picture/1421551687.jpg